เขามาถึงจุดนี้ได้อย่างไร - เขามาถึงจุดนี้ได้อย่างไร นิยาย เขามาถึงจุดนี้ได้อย่างไร : Dek-D.com - Writer

    เขามาถึงจุดนี้ได้อย่างไร

    ใครๆต่างรู้นิสัยเขาดี ฉายานามว่า"ไอ้อีด "จึงเหมาะสมกัตัวเขา เขามีความทะเยอทยาน จนจบปริญญาเอกและเข้ารับราชการจนเกือบได้เป็นรองอธิการบดี แต่แล้ว....

    ผู้เข้าชมรวม

    38

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    0

    ผู้เข้าชมรวม


    38

    ความคิดเห็น


    2

    คนติดตาม


    1
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  26 ต.ค. 67 / 06:31 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น

                                                     มาถึงจุดนี้ ได้อย่างไร 

                 เดชา หรือที่รุ่นพี่ๆเรียกเขาว่า “ไอ้อืด”หนุ่มท้วมร่างใหญ่ชาวเหนือ  ผู้ซึ่งมีความฝันที่จะเข้ามาเรียนในกรุงเทพ เขาเป็นรุ่นน้องผมเพียงหนึ่งรุ่น  เหตุที่เพื่อนๆ และรุ่นพี่ตั้งชื่อเขาว่า ไอ้อืดเป็นเพราะ เขามักจะทำอะไรชักช้า  งุ่มง่าม  ทั้งๆ ที่หอพักที่เขาเช่าอยู่ห่างจากวิทยาลัยไม่ถึง 150 เมตร แต่เขามักจะมาเรียนสายเสมอๆจนอาจารย์ต้องเตือน

       “นายเดชา หากยังมาเข้าเรียนสายเช่นนี้อีก ครุูจะตัดคะแนนจิตพิสัยของเธอ ให้เหลือศูนย์คะแนนเลยนะ ” อาจารย์เนาวรัตน์พูด

     “สายแค่…ห้านาที  เองครับ  ” เดชาพูด

     “แล้วทำไม เพื่อนๆ เขาจึงมาทันเวลาเรียนทุกวันเล่า” อาจารย์พูด

     “เห็นใจผมบ้าง สิครับ  ผมต้องซ้อมฟุตบอล และซ้อมดนตรีจนดึก  ” เดชาพูดขอความเห็นใจ 

     “คนอื่นๆเขา ก็ทำกิจกรรมเหมือนเธอ ไม่เห็นเขาจะต้องต่อรอง” อาจารย์ พูด

        ในวิทยาลัย อาจารย์สุภาพสตรีล้วนมีครอบครัวแล้วทุกคน หากจะใครนักศึกษาหยั่งเสียงคะแนน อาจารย์ที่ใจดีและสวยที่สุด คงไม่พ้นอาจารย์เนาวรัตน์ อย่างแน่นอน  ช่วงที่ผมเป็นรุ่นพี่ของรุ่นเดชา รุ่นของผมต้องเป็นฝ่ายรับผิดชอบการต้อนรับน้องใหม่เต็มตัว แน่นอนว่า รุ่นของเขาจะต้องเกลียดชังและไม่ชอบขี้หน้ารุ่นของผมอย่างมิอาจหลีกเลี่ยงได้  ว่าไปแล้วรุ่นน้องรุ่นนี้ไม่ได้อยู่หอพัก พวกเขาอาจหลบ- หลีกเลี่ยงที่จะถูกรุ่นพี่คุกคามหรือกดดัน เหมือนสมัยรุ่นผมอยู่หอพัก

    “สวัสดีครับพี่  ”ไอ้แว่นทักทาย 

    “สวัสดี เป็นไงบ้างน้อง มีรุ่นพี่แวะมารับน้องกันมากมั้ย  ” ผมตอบกลับไป

    “ตลอดคืนเลยครับ..พี่  ” ไอ้แว่น พูด

     “อดทนเอานะ  สมัยพี่เป็นรุ่นน้อง ก็เจอแบบที่แว่นเจอนี่แหละ ไม่ถึงตายหรอกวะ ” ผมพูด

    “ครับพี่  ผมจะพยายามอดทนให้ถึงที่สุด ” ไิอ้แว่นตอบ

             หลังเลิกเรียนแล้วเมื่อกลับเข้าหอพัก ผมจะแวะมาหารุ่นน้อง ที่พักอยู่ตามหอพักใกล้วิทยาลัย  เวลานั้นหอโข่งเพิ่งเริ่มก่อสร้างใหม่  เวลานั้นนักศึกษารุ่นน้องจะเช่าหอพักที่เป็นบ้านทั้งหลัง หรือบางแห่งเจ้าของบ้านที่ทำสวนผักสวนผลไม้ จะแบ่งห้องให้เช่าอยู่อาศัยตามความพึงพอใจของผู้เข้าพักอาศัย หอพักของป้าเผือกซึ่งอยู่ห่างจากหอนายโข่งประมาณ 50 เมตร จะถูกแบ่งกั้นเป็นห้องเล็กๆ กว่่า 20 ห้อง     เมื่อถึงคราวน้ำขึ้นให้รีบตักพื้นที่ในบ้านของเธอ จึงถูกดัดแปลงให้เป็นห้องพักเพื่อให้นักศึกษาได้เช่าให้มากที่สุด หอพักของป้าเผือกเป็นแบบชาวบ้านจริงๆ คือไม่มีอะไรที่จะอำนวยความสะดวกให้ผู้เข้าพักเลย มีเพียงห้องอาบน้ำรวมและห้องสุขาอีก 6 ห้องต่อผู้เข้าพัก 20 คน

             ความที่ผมเป็นรุ่นพี่ และต้องการจะช่วยปกป้อง -ป้องกัน ไม่ให้เพื่อนๆร่วมรุ่นเดียวกันมารับน้อง โดยเฉพาะกลุ่มไอ้แว่น ที่เป็นน้องใหม่ที่ค่อนข้างน่าสงสาร ผมเคยสังเกตน้องๆ กลุ่มนี้ มักอยู่ในอาการวิตกกังวล ถึงขั้นหลอนเวลาหลับกันหลายคน 

        “พี่ขลุ่ย ไอ้แว่น มันนอนละเมอ ถึงขั้นร้องตะโกนว่า อย่าทำผมครับพี่ๆ ” กฤษณ์ เพื่อนร่วมรุ่น เล่าเรื่องที่เขาได้ยินพฤติกรรมของเพื่อนให้ผมฟัง

        การรับน้องใหม่ของรุ่นน้องรุ่นนี้ ว่าไปแล้วหากเทียบกับรุ่นของผมจะมีความแตกต่างกันมาก  เพราะรุ่นของพวกเขาพักอยู่ภายนอก จึงถูกรับน้องในลักษณะฝนตกไม่ทั่วฟ้า  ซึ่งอธิบายให้เห็นเป็นรูปธรรมได้คือ หากผู้ใดไปเช่าพักในที่ห่างไกลที่รุ่นพี่ไปไม่ถึง  กลุ่มนั้นก็รอดจากการถูกกดดัน แม้รุ่นน้องจะถูกเรียกให้มาร่วมซ้อมร้องเพลงเชียร์ และถูกว๊ากเพื่อกดดัน แต่ก็เป็นช่วงเวลาที่ค่อนข้างสั้นเพียงเดือนเศษๆ เท่านั้น 

                                                     *************************

               ที่โดมของวิทยาลัยที่เป็นศูนย์รวมของการนัดการทำกิจกรรมรับน้อง (ซ้อมร้องเพลงเชียร์สถาบัน) คณะกรรมการดำเนินการในรุ่นของผม ได้แบ่งหน้าที่การเป็นผู้นำการซ้อมร้องเพลง โดยได้นัดหมายให้รุ่นน้องเข้าซ้อมร้องเพลงเชียร์ระหว่างเวลา 15.00 - 16.00  น  

      “เฮ้ย  มัวทำอะไรกันอยู่  เขานัดเวลาเข้ามาในหอประชุมตั้งแต่สามโมงแล้ว  ”รุ่นพี่ตะโกน ทั้งยังกวักมือ เรียกรุ่นน้องที่ยังมัวเดินโอ้เอ้ 

      “เร็วสิวะ  เพื่อนๆ ส่วนหนึ่ง เขามาเข้าเตรียมตัวซ้อมร้องเพลงแล้ว  ”รุ่นพี่ บ่น

       “เดี๋ยวพี่จะนับ1ถึง 20 ใครมาช้ากว่านี้ จะต้องถูกลงโทษ มันเป็นไงกันนะ พวกเอ็งเนี่ยะไม่รู้จักรักษาเวลากันบ้างเลย” รุ่นพี่ ตะโกนบอกให้รุ่นน้องที่อยู่ภายนอกห้องประชุมได้รับทราบ

      พวกเขาพยายามเดินเร็วขึ้น บางคนถึงกับต้องรีบวิ่ง มาเข้าห้องประชุม มีรายเดียวที่เดินกะเผลกๆ ที่มาช้าที่สุด 

     “ทำไม?? จึงเพึ่งมา” รุ่นพี่ถาม

     “ ผมไปซื้อของที่ตลาดหัวตะเข้มาครับ” รุ่นน้องคนนั้นพูด

       การที่เขามาช้า และบุคลิกท่าทางเหมือนคนทองไม่รู้ร้อน สมชายเพื่อนในรุ่นเดียวกันกับผม จึงตั้งชื่อเขาว่า"ไอ้อืด "                  สมชาย.. เป็นรุ่นพี่ ที่รุ่นน้องๆกลัวเขามาก เป็นเพราะเขาเป็นว๊ากเกอร์ที่เสียงดังและร่างใหญ่มีกล้ามเนื้อที่ดูน่าเกรงขาม 

        “ เข้าไปที่ลานโดม แล้ววิดพื้น ยี่สิบครั้ง เร็ว” ศิระพูด 

       เมื่อเดชา เข่าไปถึงใจกลางลานโดมแล้ว เขาก็โน้มตัวลงพร้อมใช้มือยัน แล้ววิดพื้นพร้อมเปล่งเสียงออกมา จนครบตามจำนวนที่รุ่นพี่สั่งให้เขาปฎิบัติ

      “เข้าไปนั่งประจำที่”  รุ่นพี่สั่ง

                                       ***************************

                 หลังจากรับน้องใหม่เสร็จ  รุ่นพี่กับรุ่นน้องก็เป็นเสมือนคนในครอบครัวเดียวกัน  มีความรัก ความห่วงใย และเอิ้ออาทรต่อกัน ความโกรธแค้นที่มีต่อกันก็จางหายไปจนสิ้นระหว่าที่ผมเป็นรุ่นพี่ได้พบกับไอ้อืดเป็นระยะๆ  ในเทอมที่สองน้องใหม่เริ่มปรับตัวและรู้จักสถานที่ในละแวกวิทยาลัย  จุดศูนย์รวมที่นักศึกษามักนัดพบปะกันคือสถานีรถไฟหัวตะเข้  ผมกับรุ่นน้องจะมีความผูกพันกันพอสมควร เป็นเพราะผมได้เข้าไปคลุกคลีและได้เข้าไปช่วยเหลือในด้านการปรับตัวของพวกเขาไม่ว่าจะเป็นเรื่องการใช้ชีวิตการระมัดระวังตัวกับการถูกวัยรุ่นทำร้าย 

          ผมจะพบว่าไอ้อืดมักจะมาคลุกคลีกับเด็กเหนือด้วยกัน เวลานั้นมีคนทางเหนือมาเรียนไม่ถึง 10 คนในรุ่นเดียวกันกับเขามีผู้ชาย 5 และผู้หญิงอีก 5 คน เป็นธรรมดาที่คนในท้องถิ่นทางเหนือ เมื่อเจอกันในวิทยาลัยเขามักทักทายด้วยภาษากำเมือง เวลานั้นผมกำลังจีบสาวลำปางพอดี จึงถือโอกาสให้ไอ้อืดช่วยสอนภาษาเหนือให้ 

      “อืด นายช่วยสอนเราพูดภาษาเหนือหน่อยสิ ” ผมพูดกับรุ่นน้อง

       “สงสัย ?? แล้วล่ะพี่ขลุ่ย ”ไอ้อืดพูด

      “สงสัยอะไร  เหรอ ”

     “สงสัยจะจีบพี่แดงหรือไม่ก็พี่ติ๋ว ” อืดพูด

     “คงงั้นแหละว่ะ” ผมพูด

       ผมเรียนพูดกับไอ้อืดได้ไม่นาน รู้สึกว่ามันคงไปไม่รอด  เลยเลิกไป 

                                                    ***********************

         ระหว่างที่ผมกับเขา ยังเป็นรุ่นพี่รุ่นน้องกันอยู่ ความสนิทสนมก็ยังมีข้อผูกมัดกันเพราะระบบรุ่นค้ำหัว ไม่ให้รุ่นน้องตีตนเสมอรุ่นพี่ ครั้นช่วงที่ผมต้องหยุดเรียนและกลับเข้ามาเรียนใหม่ภายหลัง ผมกับไอ้อืดจึงต้องมาเรียนห้องเดียวกัน ผมจึงต้องปรับตัวให้เข้ากับพวกเขา  ไอ้อืด ..เป็นคนอยุู่เป็น เขาสามารถปรับตัวให้เข้ากับรุ่นพี่ เพื่อนๆและรุ่นน้อง ได้อย่างไม่มีที่ติ ว่าไปแล้วเขาก็เป็นเด็กกิจกรรมที่แม้ไม่เด่น   แต่ก็สามารถทำได้เกือบทุกอย่าง อย่างแรกที่ผมเห็นเขาก็คือ….ไอ้อืด สามารถติด 1 ใน 18 ของตัวแทนฟุตบอลของคณะ แม้ระยะแรกติดแค่ตัวสำรอง  แต่เขาก็ขยันไปฝึกซ้อมเพื่อจะได้ลงเป็นตัวจริงให้ได้   

      “ไอ้อืด แม่งโคตรขยันมาซ้อมเลย  เวลาเข้าเรียนนี่ .แม่งเข้าเรียนสายเป็นประจำ แต่เวลามาซ้อมบอล แม่งมาก่อนเวลาเสียอีก ”ไอ้ติ๊ก พูดกับเพื่อนๆนักฟุตบอล

     “นินทา ผมเหรอ พี่ติ๊ก”  ไอ้อืดพูด

      “พูดเรื่องจริงโว้ย”ติ๊ก พูด

      ความขยันของไอ้อืดเข้าตาโค้ข  เขาจึงได้มีโอกาสลงเล่นหากนัดไหนที่มีทีมคู่แข่งทีอ่อนกว่า  

     “แมตซ์นี้ เธอลงสนามแข่งแทน นายศรีสวัสดิ์ เลย” โค๊ชพูด

        ไอ้อืดเล่นในตำแหน่งแบ็คซ้าย  กองหน้าของทีมตรงกันข้ามมักขยาดและกลัวเขา  เป็นเพราะเขามักจะใช้ความรุนแรง และหวดลูกบอลอย่างไม่ยั้งและพลาดโดนตัวคนบ่อยๆทำให้ต้องบาดเจ็บไอ้อืดมักถูกกรรมการเป่านกหวีดและให้ใบเหลือง เกือบทุกนัด  เวลาการเล่นบอลของเขาจึงเป็นแค่เพียงแค่ครึ่งเวลาของการแข่งขัน การได้เป็นตัวแทนเข้าแข่งขันในนามนักฟุตบอลของสถาบันฯพระจอมเกล้า ทำให้เขาเหลิงและลืมตัวไป

       ไอ้อืดถือเป็นรุ่นน้อง ที่มีมนุษยสัมพันธ์ดี เขาสามารถเข้าหาใครๆได้ง่าย โดยเฉพาะตัวเขาค่อนข้างเป็นคนเรีียบง่ายและชอบเครื่องมึนเมาทุกรูปแบบ  เขามักจะเป็นนกรู้ว่า ที่หอรุ่นพี่ รุ่นเพื่อนๆ ทำกิจกรรมอะไรกัน   โดยเฉพาะหอพักที่ผมพักมักจะดื่มเหล้าเล่นไพ่ดรัมมี่กันเกือบทุกวัน 

      “ไอ้อืด มาแล้ว ว่ะ” สมชายพูด

      “ไอ้นี่?? มันชอบจับเสือมือเปล่า ” ผมพูด

        ขณะที่ผมกับเพื่อนตั้งวงเล่นไพ่ ไอ้อืดมักจะมานั่งดูและขอเข้าร่วมวงเล่นด้วยเสมอ หอพักที่ผมพักในเวลานั้นมีสองห้อง อีกห้องเป็นรุ่นพี่ที่เป็นข้าราชการลามาศึกษาต่อ  กิจกรรมการเล่นไพ่ของพวกเรามักเป็นหลังอาหารมื้อค่ำ ส่วนใหญ่เราจะเล่นกันสนุกๆเพื่อผ่อนคลาย บางทีบางครั้ง เล่นกันข้ามวันข้ามคืนถึงขั้นโดดเรียนในบางวิชา บ่อยครั้งมากๆ ที่เวลาที่ไอ้อืดเสียไพ่ เขามักจะบ่ายเบี่ยงขอติดไว้ก่อน

      “ผมขอติดไว้ก่อน ธนาณัติ..มาเมื่อไหร่ ผมจึงค่อยเอามาจ่ายให้ นะพี่ ” ไอ้อืด พูด

       ส่วนใหญ่เขา มาเล่นไพ่กับรุ่นพี่มักจะมาตัวเปล่า ทั้งๆที่รู้ว่ากติกาของการเล่นคือต้องจ่ายเงินสด   อืดจะเป็นคนตลกบริโภค (ชอบทำตัวเนียนๆที่จะมาหาเหล้ากินฟรีกับรุ่นพี่) การที่เราเป็นรุ่นพี่ จึงไม่อยากจะตำหนิหรือว่ากล่าวให้รุ่นน้องให้เจ็บช้ำน้ำใจ การที่เขาเป็นคนไร้ความละอายจึงกล้าด้านหน้ามาเนืองๆ

    “มาแล้วไอ้อืด  รู้เวลา ..พวกเราซ่อนบุหรี่เลย”  สมชายพูด

    พวกเราตั้งวงสุราและมีกับแกล้มแบบง่ายๆ คือต้มเส้นบะหมี่สำเร็จรูปที่ซื้อตุนไว้  ยังไม่ทันที่ไอ้อืดจะเข้ามาร่วมวง เขาก็เอ่ยปากขึ้น

     “พี่จี๊ด  ขอบุหรี่มวนนึง” ไอ้อืดพูด

      “เพิ่งหมดเมื่อกี้เอง  ”

    “ผมไม่เชื่อหรอก พวกพี่ อดบุหรี่ไม่ได้หรอก ผมรู้”

     “มึงหัดพกบุหรี่..มาบ้างดิวะ เที่ยวแบมือขอเขาอยู่เรื่อยๆ” สมชายพูด

     “ครับพี่  ” อืดตอบ 

        พฤติกรรมของไอ้อืด เป็นที่รู้กันทั่วคณะเกษตรฯ เขาจัดเป็นผู้มีมนุษยสัมพันธ์ดีเยี่ยม ที่ควรแก่การมอบรางวัล เพราะในกลุ่มคอสุรา กัญชา ไพ่ ปั่นแปะเขาจะต้องอยู่ในกลุ่มนั้นๆเสมอ   กิจกรรมทุกอย่างที่มีในวิทยาลัย เขาต้องเข้าไปมีส่วนร่วมอาทิ เป็นนักตะกร้อเป็นมือกลองของวงดนตรีสากลทั้งยังขอให้ผมรับเขามาเป็นมือขลุ่ยของวงดนตรีไทย ที่ผมเป็นประธาน ชมรม  ว่าไปแล้วเขาก็มีความสามารถเช่นนั้นจริงๆแต่ทุกอย่างก็สมญานามคือ “อืดเป็นเหลือเกลือ ” ทุกครั้งที่วิทยาลัยจัดการแสดงดนตรีให้พี่ๆน้องๆได้รับความบันเทิง พวกเรา..จะต้องรอไอ้อืดเสมอ

       “ไอ้อืด ยังไม่มาเลย คงต้องรอก่อน ”สมบูรณ์ มือกีตาร์คอร์ดบ่น 

                                         *****************************

          ช่วงที่เรียนปวส.- ผมต้องเรียนสาขาเดียวกันไอ้อืด เห็นได้ชัดว่าเขาเป็นคนเห็นแก่ตัวมาก เพราะช่วงสอบ เวลาที่เขาทำได้ มักจะไม่ค่อยบอกเพื่อน แต่เวลาที่ตนเองทำไม่ได้ มักจะเร่งเร้าให้เพื่อนที่นั่งข้างๆ ส่งโพยคำตอบให้เขาลอก คะแนนเกือบทุกวิชาที่ประกาศออกมา เขาจะได้คะแนนสูงกว่าคนอื่นๆ  

      “ไอ้อืด นี่มันคบไม่ได้ ตำรับ ตำราไม่อ่าน ชอบเป็นกาฝากเพื่อนๆ ทั้งเวลาขานชื่อในห้องเรียน กูต้องคอยขานชื่อแทนมัน ถ้าไม่ทำให้ มันก็โกรธ”เพื่อนๆในรุ่นเดียวกันพูด

       ผมกับไอ้อืดสนิทสนมกัน เนื่องจากต้องไปออกค่ายอาสาพัฒนาที่จังหวัดร้อยเอ็ด เป็นเพราะเราต้องมีกิจกรรมมวลชนกับชาวบ้าน การที่เขาเล่นกีตาร์ได้ด้วย จึงทำให้ผมกับเขาเป็นคู่หูในการขับกล่อมเสียงเพลงให้เพื่อนๆและชาวบ้านฟัง หนึ่งเดือนเต็มๆทำให้เรารู้ถึงนิสัยใจคอกัน ในส่วนเสียของเขาก็ยังพอเห็น ส่วนดีคือการช่วยสร้างสีสันในทางเสียงเพลง ยิ่งหลังจากการออกค่ายอาสาพัฒนากลับมาสถาบัน เขายิ่งแนบแน่นกลับรุ่นของผมที่เป็นรุ่นพี่  ทุกๆเย็นเขาจะมานั่งดื่มเหล้า เล่นไพ่บางครั้งก็หลับนอนด้วยไปเลย

         แม้พวกเราจะรู้นิสัยว่าเขาเป็นคนเห็นแก่ตัว แต่ก็ไม่อยากถือสา คิดเสียว่าการได้ดัดนิสัยเขาบ่อยๆ จะทำให้ไอ้อืดได้ฉุกคิดและปรับปรุงสันดานของตนให้ดีขึ้น  แม้ไอ้อืดจะเรียนไม่ถึงกับระดับเกียรตินิยม แต่เกรดของเขาที่จบปริญญาตรี ก็มิได้ขี้เหร่นัก คือได้เกรดเฉลี่ย 2.95  ในวันรับปริญญาตรี ผมยังมีโอกาสได้พบปะสังสรรค์กับเขาอีกครั้งที่คณะ  เวลานั้นผมสอบบรรจุรับราชการได้แล้ว แต่..ไอ้อืด เบนเข็มที่จะมุ่งการศึกษาต่อ

      “ผมคิดว่า จะเรียนต่อให้จบดอกเตอร์แล้ว จึงจะไปทำงานครับ ” ไอ้อืดพูด

             นั่นคือครั้งสุดท้ายที่เราคุยกัน  ในวันก่อนจะรับพระราชทานปริญญาบัตร 

                                                 ************************

      เวลาผ่านไป จากนั้นผมก็ไม่ทราบข่าวจากไอ้อืดอีกเลย จนกระทั่งวันสถาปนาของคณะเกษตร  ศิษย์เก่าตั้งแต่รุ่นแรก- รุ่นปัจจุบัน ต่างมาร่วมงานกันเนืองแน่น  ช่วงเช้าที่มีพิธีวางพวงมาลากับอนุสาวรีย์กับท่านเจ้าคุณทหาร ผมจึงมีโอกาสพบไอ้อืดที่แต่งการเนี๊ยบ เขาอยู่ในชุดเสื้อเชิ๊ตแขนยาว ผูกไทสวมสูทปักโลโก้ของหน่วยงานรัฐ

    “สวัสดีครับพี่ขลุ่ย ” ไอ้อืดทักทาย โดยมารยาท

    “สวัสดีโวัย..อืด ” ผมตอบกลับ ในฐานะคนเคยสนิทกัน 

    สีหน้าของเขาดูจะไม่ดี เพราะคำพูดที่ผมพูดออกไปอย่างเป็นกันเอง  ผมจึงต้องกลับมาทบทวนว่า ตนเอง.ทำอะไรผิดไปหรือ ?? หลังเสร็จพิธีวางพวงมาลาแล้ว รุ่นพี่รุ่นน้องที่นานๆพบกันตางนั่งดื่มสุราตามจุดต่างๆ    ไอ้อืดได้เข้ามานั่งล้อมวงด้วย ท่าทีในเวลานี้ดูเหมือน จะเสมือนคนที่ไม่รู้จักกัน  รุ่นน้องๆต่างยกมือไหว้เขา เสมือนเขาเป็นรัฐมนตรีท่าทางเขาเดินเหิน นั่ง และชุดที่สวมใส่ดูมีมนต์ขลัง 

    “สมัยหน้านี้ ..ท่านรองคงจะได้เป็นอธิการบดีแล้วนะครับ ”ไอ้แหลม รุ่นน้องที่เคยเป็นอดีตนักบอลพูด

    แหลม เป็นอดีตผู้รักษาประตูและมีความสนิทกับไอ้อืด ทั้งยังอยู่ในจังหวัดเดียวกัน กับที่ทำงานของไอ้อืด  เขาจึงทราบข่าวความเคลื่อนไหวของรุ่นพี่คนนี้ดี ในวงสังสสรค์ในบ่ายวันนั้น  ผมกับเขาแทบจะไม่ได้คุยกัน เพราะมีรุ่นน้องๆ อยู่กันมากมาย ในใจคืดว่าค่ำนี้ คงจะได้คุยกับเขาให้หายคิดถึง ครั้นเมื่อถึงช่วงเวลา 18.30 น ที่เป็นเวลาเรื่มงานเลี้ยงในหอประชุมใหญ่ ซึ่งมีผู้เข้ามาร่วมงานกว่าสามพันคน  พี่น้องต่างเดินทักทายกันขวักไขว่ ทุกคนปิติ ดีใจ  พูดคุยกันอย่างมีความสุข ผมผละจากที่นั่งของกลุ่มเพื่อนๆมาหารุ่นน้องที่นั่งอยู่ไม่ไกล  น้องๆทุกคนต่างดีใจที่พบผม มีเพียงไอ้อืด ที่ทำเป็นเหินห่าง จากที่ผมทราบข้อมูลจากไอ้แหลมพูดให้ฟัง 

    “พี่อืด เขาคงโกรธพี่นะ ที่ผมสังเกต พี่ไปเรียกว่าเขาว่าไอ้อืด  ปีหน้าผมทราบว่าเขากำลังจะลงสมัครเป็นอธิการบดีของสถ่บันราชภัฎ แล้วนะครับ ใครๆก็มองว่าเขาเป็นตัวเก็งที่จะได้ชัยชนะในการคัดเลือก ” แหลม พูด

    เมื่อผมมองว่า ท่าทีของเขาไม่เป็นมิตร  ผมจึงเมินและถอยห่างจากเขาไป ในใจนึกว่าน้องคนนี้ ไม่น่าจะเป็นคนที่เปลี่ยนแปลงไปได้  ยังคิดว่าให้เวลาผ่านไปสักนิด เราคงได้ปรับความเข้าใจกัน 

                                                   หนึ่งปีผ่านมา.

     “ไม่ไหวเลย พี่ขลุ่ย พี่อืดและภริยาเขา มาหยิบยืมเงินผมหลายหมื่น ทั้งยังไม่ยอมใช้คืน ผลัดผ่อนแล้วผลัดผ่อนอีก จนวันนี้ก็ยังไม่ได้คืน ”แหลมบ่น ในทางโทรศัพท์ให้ผมฟัง  

       เวลานั้น ผมได้จัดทำของที่ระลึกของสถาบันจัดจำหน่าย  แหลมจึงได้ระบายความในใจ 

    “แล้วไอ้อืด ได้เป็นอธิการ..หรือเปล่า   ” ผมถาม

    “ได้สมัครครับ แต่ไม่ได้เป็นอธิการฯแพ้คุู่่แข่งหลุดลุ่ย  มาดดีแต่ไร้ปัญญา ไร้วิสัยทัศน์ ขี้เหนียว เจ้าอารมณ์  เอาแต่ได้ ใครจะเลือกล่ะพี่”แหลมพูด

     “จริงสิ  ไอ้หมอนี่..นิสัยไม่เคยเปลี่ยน ขี้แอ็ค ท่าดีทีเหลว  สมแล้วที่เพื่อนร่วมรุ่นมักว่าเขาลับหลัง” ผมคิดในใจ

     “คงจริง.อย่างที่แหลมว่ามั๊ง  ไอ้อืด มันยืมเงินแหลมไป ว่าแต่มันใช้คืน หรือยังล่ะ”

     “เงียบหายไปทั้งผัวทั้งเมีย เมื่อก่อนมากินเหล้าที่บ้านผมบ่อยๆ นับแต่เป็นหนี้ ไม่เคยมาหาผมเลย” แหลมตอบ

                                                       ****************

       หลังจากที่ไอ้อืด ผิดหวังจากการได้ดำรงตำแหน่งอธิการบดีแล้ว เขาต้องอยู่อย่างคนไร้เพื่อน เป็นเพระสมัยที่เขาอยู่ในตำแหน่งรองอธิการ เขาได้แต่แสดงตนว่าเป็นผู้เรียนจบดอกเตอร์จากต่างประเทศ มีความสามารถในการสื่อสารในภาษาต่างประเทศ เวลาที่เหลือสองปีก่อนเกษียณอายุเขา จึงใช้เวลาเหล่านี้ไปทำสวนไม้ผลและเลี้ยงไก่ 

      “ ไอ้อืด มันได้ตำแหน่งทางวิชาการเป็นถึงรองศาสตราจารย์ ตำแหน่งบริหารเป็นถึงรองอธิการบดี  นับว่ามันมีความสามารถไม่น้อยเลยนะ..บิ๊ก “ผมเปรยๆ ให้รุ่นน้องฟัง ครั้งที่ผมมางานฌาปนกิจศพ อาจารย์หมอธเนศ

      “ไอ้ห่านี่ มันคงจับสลากได้น่ะครับพี่ขลุ่ย  ผมรู้นิสัยมันดี นี่หากมันไม่เกาะเจ้านายขึ้นมาดำรงตำแหน่ง  น้ำหน้าอย่างมัน จะมีโอกาสเป็นใหญ่เป็นโตหรือ “ ไอ้บิ๊ก เพื่อนร่วมรุ่นวิพากษ์  

      เพื่อนๆ ในรุ่น ไม่อาจจะตัดญาติขาดมิตรกับเขา เพราะเคยร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมา  ไม่น่าเชื่อว่าคนอย่างเขามีตำแหน่งขนาดเทียบเท่ารองอธิบดีแต่กลับมาเที่ยวหยิบยิมเงินเพื่อนฝูง จนเป็นที่เอือมระอา

    “มึงไม่น่าจะขึ้นมาถึงจุดนี้ได้เลย กูนี่อายคนเขาฉิบหาย ตั้งแแต่กูคุยแลกเปลี่ยนความรู้กับดอกเตอร์อย่างมึง    มึงไม่เคยแสดงภูมิความรู้ให้กูได้ศรัทธาเลย ” ไอ้บิ๊กพูด

                   จริงดังที่ไอ้บิ๊กพูด  ใครๆก็เห็น ใครๆก็รู้ว่าเพื่อนเขาคนนี้  มีดีแค่เปลือกเท่านั้น

                                               ขลุ่ย   บ้านข่อย

                                                (๒๖-๑๐-๖๗)

    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×